เมทธีออร์ 350 (Meteor 350) เป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพมอเตอร์ไซค์แบบครุซเซอร์ที่นักขับขี่ชื่นชอบ ก่อนหน้านี้ ในช่วงปี 90 รอยัล เอนฟิลด์ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์เพื่อการขับขี่ระยะไกลรุ่นแรกในประเทศอินเดีย อย่าง ซิตี้ไบค์ (Citybike) และไลท์นิ่ง (Lightning) ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นธันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird) เจเนอเรชั่นแรกในปี 2545 จากนั้นในปี 2551 ทางแบรนด์ได้เปิดตัว ธันเดอร์เบิร์ด UCE Twin-Spark และตามมาด้วยรุ่น ธันเดอร์เบิร์ด เอ็กซ์ (Thunderbird X) ในปี 2561
ซึ่งเป็นรถที่ทำให้ตลาดรถสไตล์ครุซเซอร์เป็นที่นิยมมากขึ้นและยังขยายตลาดกลุ่มมอเตอร์ไซค์เพื่อการขับขี่ระยะไกลของประเทศอินเดีย ซึ่งให้ความสบายขณะขับขี่ พร้อมสไตล์ที่มีเสน่ห์ แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความร่วมสมัย ด้วยการสานต่อแนวคิดของรถเพื่อการขับขี่ท่องเที่ยวระยะไกล โดยรอยัล เอนฟิลด์ เมทธีออร์ 350 จึงครบครันไปด้วยสมรรถนะที่พร้อมสำหรับการออกเดินทางที่ไกลขึ้นไปอีก
“เมทธีออร์ 350 (Meteor 350) ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงมาอย่างเป็นเลิศ ให้ความสบายขณะขับขี่และเข้าถึงได้ รถรุ่นนี้เป็นการผสมผสานอย่างมีเสน่ห์ของสไตล์การขับขี่ของมอเตอร์ไซค์คลาสสิกที่มาพร้อมสมรรถนะที่ทันสมัย
เมทธีออร์ 350 คือความสมบูรณ์แบบ ที่ได้มีการนำหลักการทางสรีรวิทยามาช่วยในการออกแบบให้ขับขี่ได้ง่ายและสบาย ขับขี่ได้สนุก ทั้งบนถนนไฮเวย์ระยะไกล อีกทั้งยังเหมาะกับการขับขี่ในเมือง ตัวรถมีความมั่นคง มือจับคันเร่งที่บิดง่ายและระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ รอยัล เอนฟิลด์ ทริปเปอร์ (Royal Enfield Tripper) ซึ่งเป็นหน้าจอนำทางแบบ turn-by-turn ที่ใช้งานได้สะดวก เราได้ใช้เวลาคิดค้นและทดลองไปกับการพัฒนาระบบนำทางด้วยตัวเองซึ่งเรียบง่ายและฉลาด ผ่านการผนวกเข้ากับระบบ Google Maps ที่จะช่วยให้นักขับขี่ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องบนท้องถนนผ่านการแจ้งข้อมูลที่จำเป็น ขณะที่การแสดงผลจะไม่สร้างการรบกวนขณะเดินทาง ทำให้รอยัล เอนฟิลด์ ทริปเปอร์ เป็นระบบนำทางสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่ดีที่สุด
การออกแบบ
ได้รับการออกแบบจากทีมดีไซเนอร์ และพัฒนาขึ้นโดยทีมวิศวกรรมเครื่องยนต์ผู้เชี่ยวชาญที่ศูนย์เทคโนโลยีอันล้ำสมัยทั้งสองแห่งของรอยัล เอนฟิลด์ในเมืองเชนไน รัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย และเมืองบรันติงธอร์ป สหราชอาณาจักร การปรับโฉมในครั้งนี้ ทั้งในแง่ของเครื่องยนต์ การประกอบที่เข้ากันได้อย่างกลมกลืน ทำให้รถรุ่นนี้มีความทันสมัย ยกระดับขึ้นสู่
ท็อปคลาสได้อย่างแท้จริง ด้วยระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air-Oil Cooled) กระบอกสูบเดี่ยว ขนาด 349 ซีซี สามารถสร้างขุมพลังสูงสุด 20.2 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 27 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที ทำให้เกิดเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของรถมอเตอร์ไซค์ครุซเซอร์
บาลานเซอร์ชาร์ปออกแบบใหม่ ช่วยให้รู้สึกขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล ระบบจ่ายน้ำมันแบบไฟฟ้ามีผลต่ออัตราการตอบสนองของคันเร่งที่ดีขึ้น ในแง่ของสมรรถนะที่รอบด้าน เครื่องยนต์ใหม่มีเกียร์ 5 สปีด โดยที่เกียร์ 5 จะทำหน้าที่ Overdrive ให้ขับขี่ได้อย่างไร้กังวล และช่วยประหยัดน้ำมันเมื่อเดินทางระยะไกล ยังมาพร้อมแผ่นเหล็กคลัทช์ 7 ชั้นที่ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ง่ายขึ้นท่ามกลางการจราจรที่หนาแน่น
แชสซีแบบ Twin Downtube Spin Frame ออกแบบให้เกิดความมั่นใจในการขับขี่บนทางคดเคี้ยว และแข็งแรง แต่ก็ควบคุมได้อย่างง่ายดายบนถนนในเมืองที่วุ่นวาย เบาะนั่ง และศูนย์ถ่วงที่ลดความสูงลง ประกอบกับความแข็งแรงของตัวรถ ทำให้เกิดสภาพที่เหมาะสมสำหรับทั้งนักขับขี่ในเมือง และผู้แสวงหาการผจญภัยบนเส้นทางระยะไกล
ระบบกันสั่นสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิกขนาด 41 มม. พร้อมระยะยุบ 130 มม. และโช้คคู่ปรับระดับได้ 6 ระดับและปรับพรีโหลดได้ช่วยให้วางมือได้อย่างกระชับและนุ่มสบาย
หน้าจอที่ผสานระบบนำทางแบบ TBT (Turn-By-Turn) เปิดตัวพร้อมให้ไรเดอร์ได้ใช้งานครั้งแรกกับรุ่นเมทธีออร์ 350 หรือมีชื่อเรียกว่า รอยัล เอนฟิลด์ ทริปเปอร์ (Royal Enfield Tripper) เป็นเครื่องมือแสดงผลการนำทางที่มีความแม่นยำสูง แสดงผลได้แบบเรียลไทม์ โดยนำเทคโนโลยี Google Maps มาใช้ ทริปเปอร์จะแสดงเส้นทางไปยังจุดหมายปลายทางสำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ดีที่สุด ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมแรกของรถมอเตอร์ไซค์จากประเทศอินเดีย นอกจากนี้ ทริปเปอร์ยังสามารถใช้งานได้ง่าย เพียงจับคู่กับแอปพลิเคชั่น Royal Enfield เข้ากับโทรศัพท์มือถือของผู้ขับขี่ ก็จะให้ข้อมูลที่ต้องการได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ และไม่แสดงผลที่รบกวนสายตาขณะขับขี่
เมทธีออร์ 350 ทุกรุ่น ใช้ล้ออัลลอยและยางแบบไม่มียางใน (Tubeless) ตามมาตรฐาน ให้นักขับขี่ได้รับความสะดวกสบาย โดยเฉพาะเมื่อต้องขับขี่บนเส้นทางที่มีระยะไกล ความสบายที่เพิ่มขึ้นและรูปทรงของรถเพื่อการขับขี่ท่องเที่ยวขนานแท้ เกิดจากการใช้ชุดล้อหน้า 100/90 – 19 และชุดล้อหลัง 140/70 – 17 ระบบเบรกที่มีความปลอดภัยสูง ABS (Anti-Lock Braking System) แบบ Dual Channel ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เบรกหน้าจานดิสก์ขนาด 300 มม. และเบรกหลังจานดิสก์ขนาด 270 มม.
ชุดไฟหน้าและไฟหลังของเมทธีออร์ 350 เป็นแบบ LED เพื่อให้เกิดความคมชัด ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ ใช้หลอดไฟฮาโลเจนที่ให้ลุคสุดคลาสสิก ปุ่มบนแฮนด์เดิ้ลบาร์ที่เรียบง่ายแต่ดูพรีเมี่ยม พร้อมสวิทช์แบบโรตารี่ให้ความรู้สึกคลาสสิกตามสไตล์รอยัล เอนฟิลด์
พร้อมจำหน่ายใน 3 รุ่น ประกอบด้วย ไฟร์บอลล์ (Fireball) สเตลลาร์ (Stellar) และซูเปอร์โนวา (Supernova)
- เมทธีออร์ 350 รุ่นไฟร์บอลล์ มีให้เลือกทั้งสีแดงและสีเหลือง มาพร้อมกับล้อสีดำและขอบล้อสีเดียวกับตัวรถ ตัดกับสีดำเข้มของเครื่องยนต์และส่วนอื่นๆ ของตัวรถ
- เมทธีออร์ 350 รุ่นสเตลลาร์ มีให้เลือกทั้งสีแดงร่วมสมัย สีน้ำเงิน และสีดำด้าน รับกับส่วนประกอบต่างๆ ของตัวรถได้อย่างพอดี แฮนด์มือจับแบบ Chrome มีที่พักหลังที่ให้ความรู้สึกสบายสำหรับที่นั่งซ้อนท้าย
- สำหรับรุ่นท็อปอย่าง เมทธีออร์ 350 ซูเปอร์โนวา มีให้เลือก 2 สี คือสีน้ำตาลและสีฟ้าทูโทน เข้ากับรูปลักษณ์แบบพรีเมี่ยมของตัวรถได้เป็นอย่างดี มีรายละเอียดมากขึ้นที่ชุดล้อ พร้อมเบาะนั่งแบบพรีเมี่ยมพิเศษ
ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมแผงหน้าปัดแบบใหม่ที่ใช้เข็มวัดความเร็วอนาล็อก ‘Dancing needle’ ที่เข้ากับการใช้งานหน้าจอ LCD ที่แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ระดับเกียร์ ที่วัดน้ำมัน นาฬิกาและเลขวัดระยะทาง นอกจากนี้ ยังมีช่องเสียบสาย USB ที่ซ่อนอยู่ใต้แฮนด์เดิ้ลบาร์
ราคาเริ่มต้น
150,000 บาท สำหรับรุ่นไฟร์บอลล์
155,000 สำหรับรุ่นสเตลลาร์
159,500 บาท สำหรับรุ่นซูเปอร์โนวา
ข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ รอยัล เอนฟิลด์ คลิ๊กที่นี่
Youtube