เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) จัดแคมเปญ Get to know Thai Consumers ตลอดเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ที่ผ่านมา เพื่อสำรวจความต้องการเกี่ยวกับการซื้อขายและการใช้รถยนต์ของผู้บริโภคชาวไทย และร่วมมือกับ นิด้าโพล สำรวจความคิดเห็น พบว่าคนไทย 77.68% พร้อมเปิดรับรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) นอกจากนี้ ทีมผู้บริหารยังได้ลงพื้นที่ 5 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรับฟังความเห็นของคนใช้รถในแต่ละพื้นที่ รวมไปถึงการจัดกิจกรรมออนไลน์เฟ้นหาแฟนพันธุ์แท้ GWM กลุ่มแรกมาเข้าร่วมงาน GWM Exclusive Meet Up เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทีมผู้บริหารได้อย่างเต็มที่
นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย เผยว่า “แคมเปญ Get to know Thai Consumers” ช่วยตอกย้ำกลยุทธ์ consumer-centric ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่เน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการวางแนวทางและวิธีการทำการตลาดและการให้บริการเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีการนี้ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประสบความสำเร็จในหลากหลายประเทศ
และตลอดระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงเดินหน้าพูดคุย สอบถามความคิดเห็น และเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างใกล้ชิด ทั้งในแง่ปัญหาที่พบและสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ไม่ว่าจะเป็นด้านการซื้อรถ การขับขี่ การขาย รวมไปถึงการบริการหลังการขาย ซึ่งทุกเสียง ทุกความเห็น และทุกข้อเสนอแนะที่ได้รับมานั้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะนำไปใช้ในการสร้างสรรค์และออกแบบผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และรูปแบบการให้บริการที่ตรงตามความต้องการ และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้บริโภคชาวไทย”
ภายใต้แคมเปญ Get to know Thai consumers เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้ร่วมมือกับศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เพื่อสำรวจความคิดเห็นและพฤติกรรมผู้ใช้รถยนต์ของคนไทย 1,000 คน ทั่วประเทศ ซึ่งผลการสำรวจระบุว่า ผู้บริโภคชาวไทยมีความสนใจในรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) สูงถึง 77.68%
โดยมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นการช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 28.97% มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย 26.88% และอีก 16.96% มองว่าเป็นการช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษาในระยะยาว โดยรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) ที่คนไทยสนใจแบ่งเป็น รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) 38.69% รถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicle: HEV) 30.95% และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก (Plug-In Hybrid Electric Vehicle: PHEV) 30.36%
จากผลสำรวจยังพบว่า ยังมีปัจจัยที่ทำให้คนไทยเปลี่ยนใจมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (xEV) แทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันคือ เรื่องของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 22.02% แสดงถึงความกังวลและความตระหนักถึงปัญหา PM2.5 ซึ่งมีที่มาจากควันจากท่อไอเสียรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ในขณะที่ 19.05% มองว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่เป็นมิตรมากกว่าและมาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีกว่า นอกจากนี้ผลการสำรวจยังระบุประเด็นสำคัญ อื่นๆ อาทิ 57.74% จะนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ทดแทนทุกกิจกรรมที่เคยใช้งานรถยนต์พลังงานน้ำมัน โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ 3 อันดับแรกในการตัดสินใจซื้อ คือ ความคุ้มค่า ความปลอดภัย และศักยภาพของรถ และคนไทย 99.31% มีความเห็นเชิงบวกต่อรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน และมีมุมมองที่เปิดกว้างต่อเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่จากจีน โดยส่วนใหญ่ยอมรับว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีจากจีนนั้น มีความน่าสนใจน่าติดตามในราคาที่เข้าถึงง่าย
จากการสำรวจยังพบปัญหาหรืออุปสรรคในการซื้อรถใหม่ของคนไทย โดย 34.13% ระบุว่าไม่มีข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจ 27.08% คิดว่าตัวเลือกในตลาดมีน้อยเกินไป และอีก 25.30% พบปัญหาการเปรียบเทียบราคาจากหลายที่แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ถูกใจ นอกจากนี้ ยังพบประเด็นที่ผู้บริโภคไม่พึงพอใจเกี่ยวกับบริการหลังการขายของบริษัทรถยนต์ โดย 42.76% ประสบปัญหาการใช้เวลานานในการรอสายหรือรอการตอบคำถามจากเจ้าหน้าที่ในบริการแชทออนไลน์หรือบริการฮอทไลน์ ในขณะที่ 41.07% มีความกังวลเรื่องค่าบริการที่อาจจะแพง 29.46% ไม่มั่นในคุณภาพการซ่อม หรือกังวลว่าจะมีข้อผิดพลาดจากการซ่อม และอีก 28.57% ระบุว่าศูนย์บริการอยู่ไกลจากบริเวณที่พักอาศัย ทำให้ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปรับบริการ
ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก” (Global Mobility Technology Company)
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงมุ่งมั่น และตอกย้ำจุดยืนที่ชัดเจนตามกลยุทธ์ consumer-centric ในการรับฟังทุกความเห็นของผู้บริโภคมาวางแผน พัฒนา และส่งมอบผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการให้บริการอันล้ำสมัยเข้าสู่ตลาดไทย รวมไปถึงการร่วมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (xEV) พร้อมผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้าง Ecosystem ของรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพการบริการ ส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของไทยให้ก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในอนาคต