รถปิกอัพที่ลูกค้าทั่วโลกใฝ่ฝันและเฝ้ารอมานาน บัดนี้สิ้นสุดการรอคอยแล้ว เมื่อมาสด้าประกาศเปิดสงครามตลาดรถปิกอัพเมืองไทย ด้วยการเปิดตัวแนะนำ All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยการผนวกคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ดีไซน์ที่ถูกออกแบบอย่างสง่างามที่สุดในโลก คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีความทนทานสูงสุด รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำสุด วางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 5.5 แสนบาท นี่คือการกลับมายึดฐานลูกค้าเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถปิกอัพอีกครั้ง
มาสด้าเปิดศักราชใหม่เพิ่มความร้อนแรงให้กับตลาดปิกอัพเมืองไทย ด้วยการส่ง All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ กับแนวคิด “พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” เติมเต็มทุกมิติของชีวิตดุจ Life-Partner สัมผัสแห่งดีไซน์อันสง่างามจาก “โคโดะ ดีไซน์” เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม ตามคอนเซ็ปต์ “Less is More”
รูปลักษณ์อันทรงพลังสไตล์ปิกอัพ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย มอบความสะดวกสบายเสมือนรถเอสยูวี คุ้มค่าด้วยอัตราประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาสกับตัวเลข 16.1 กิโลเมตร/ลิตร รับข้อเสนอพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัว กับดอกเบี้ยต่ำสุด 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหารบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า :
ตลาดรถปิกอัพถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดเกือบ 50% ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเพราะเป็นหนึ่งในโปรดักซ์แชมป์เปี้ยนที่ผลิตและส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก แม้ว่าปี 2563 ที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนต่างเผชิญกับวิกฤตโคโรน่าไวรัส จนส่งผลให้ยอดขายรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ลดลงกว่า 20% แต่เมื่อเจาะลึกข้อมูลรายละเอียดของยอดขายรถยนต์ในแต่ละประเภทพบว่าสัดส่วนการขายรถปิกอัพในปี 2563 อยู่ที่ 45% เติบโตขึ้นจากปี 2562 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 43% ดังนั้นการเปิดตัว All-New Mazda BT-50 จึงเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนทุกมุมมองเกี่ยวกับรถปิกอัพโดยสิ้นเชิง Revolutionary Change รวมถึงการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยความแตกต่างไม่เหมือนใคร อีกทั้งจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างยอดขายและชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของมาสด้า
สำหรับ All-New Mazda BT-50 ถูกวางให้เป็นรถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวเป็นรุ่นแรกในปี 2564 โดยใส่ความโดดเด่นของ “โคโดะ ดีไซน์” (KODO Design) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มุ่งเน้นให้เกิดความเรียบง่าย แต่งดงาม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งและรถเอสยูวีตระกูล CX Series เจเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้า โดยผนวกรวมจุดเด่นทั้งหมดของมาสด้าและความต้องการของลูกค้าที่อยากจะเห็นจากรถปิกอัพในปัจจุบัน
คือการออกแบบที่สง่างามสไตล์ปิกอัพยุคใหม่ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย ให้ความสะดวกสบายที่เทียบเท่ากับรถเอสยูวี อีกทั้งยังเป็นปิกอัพที่มีความอเนกประสงค์ ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น การเปิดตัว All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่นี้จะเป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ให้กับตลาดรถปิกอัพ ที่สามารถใช้งานได้ทุกโอกาส หรือ “Built for Dress and Jeans” ซึ่งจะเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างมากขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายให้มากขึ้นตามไปด้วย
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความตั้งใจที่เราต้องการพัฒนารถปิกอัพให้สามารถเติมเต็มทุกมิติของชีวิต เสมือนเป็น Life-Partner จึงเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ “All-New Mazda BT-50 พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” ซึ่งจะพาคุณไปสู่ทุกเป้าหมายเคียงคู่ไปในทุกมิติของการใช้ชีวิต ประกอบด้วย
- Adventure Partner
พร้อมลุยไปกับทุกเส้นทางสำหรับผู้ที่หลงใหลในความท้าทาย เปลี่ยนให้ทุกอุปสรรคเป็นความท้าทาย ออกไปค้นหาเพื่อลิ้มรสคุณค่าของการค้นพบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ - Passion Partner
ที่จะให้คุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือ ห่วงใย และเอาใจใส่ต่อคนรอบข้าง แม้จะมีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย แต่ก็ยังต้องการที่จะใช้เวลาไปกับเพื่อนฝูง และสนุกสนานกับกิจกรรมอยู่เสมอ - Inspiration Partner
ให้คุณได้มองหาเรื่องราวใหม่ๆ ที่อาจยังไม่มีใครเคยค้นพบ เพื่อสร้างความหมายใหม่ของการใช้ชีวิต เพราะการให้คือการส่งต่อแรงบันดาลใจที่ดีที่สุด - Business Partner
นำชีวิตก้าวไปสู่ความสำเร็จด้วยความมุ่งมั่นที่จะก้าวหน้า ไม่หยุดพัฒนาตนเอง มองหาช่องทางและโอกาสอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานหลักหรือธุรกิจเสริมเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัว ให้ทุกก้าวย่างเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“เพราะในปัจจุบันผู้ซื้อรถปิกอัพ ไม่ได้มองเพียงแค่ความแข็งแกร่ง ความทนทานในการใช้งาน หรือประหยัดน้ำมันเท่านั้น วันนี้ลูกค้าใส่ใจในทุกรายละเอียด ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และดีไซน์มากขึ้น จึงเกิดเป็นความโดดเด่น แตกต่างไม่เหมือนใคร แต่บ่งบอกได้ว่า นี่คือ ปิกอัพสายพันธุ์ใหม่ของมาสด้า ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่ออกแบบด้วย Signature Wing ขนาดใหญ่ รูปทรงด้านหน้าที่สง่างามในสไตล์รถเอสยูวี ดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้ายทรงสปอร์ต โฉบเฉี่ยว รวมถึงมิติตัวถังขนาดใหญ่ผนวกกับสัดส่วนของรถ เกิดเป็นความแข็งแกร่งควบคู่กับความสง่างามของรถปิกอัพยุคใหม่”
โดยเฉพาะภายในห้องโดยสาร ที่เลือกใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูงเท่านั้น ผสมผสานกับโทนสีภายในรวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ อย่างลงตัว คอนโซลหน้าถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน เสาภายในและเพดานเลือกใช้โทนสีดำตัดกับหนังสีน้ำตาลเข้มของเบาะนั่งที่ออกแบบให้นั่งสบายในทุกตำแหน่ง และแผงประตูที่เพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งสไตล์เดียวกับรถเอสยูวี สัมผัสกับห้องโดยสารที่กว้างขวาง
การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์โดยให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางตามหลักการ Human Machine Interface ทุกฟังก์ชันจึงง่ายต่อการใช้งาน การรับรู้ข้อมูลการขับขี่รวมถึงสายเรียกเข้าหรือชื่อเพลงบนหน้าจอแบบสี MID (Multi-Information Display) ขนาด 4.2 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลได้หลายรูปแบบ อ่านง่าย มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแบบ TFT (Thin-film Transistor Technology)
พวงมาลัยปรับได้มากถึง 4 ทิศทาง เบาะไฟฟ้าปรับได้ 8 ทิศทางและระบบดันหลัง ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ยกระดับความสุนทรีย์ด้วยห้องโดยสารที่เงียบยิ่งขึ้น และลำโพงที่มากถึง 8 ตำแหน่ง ที่พักแขนพร้อมที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง และช่องเสียบ USB มีช่องเก็บของภายในห้องโดยสารสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกตำแหน่ง
มาพร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะ สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ด้วยรีโมท เปิดระบบปรับอากาศก่อนขึ้นรถ และมีระบบไฟในห้องโดยสารส่องสว่างอัตโนมัติในทันทีเมื่อจับสัญญาณจากกุญแจรีโมท
ระบบ Infotainment มาพร้อมหน้าจอแบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 9 นิ้ว ที่สามารถตั้งค่า Home Screen ได้หลายรูปแบบ รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android Auto™* ซึ่งสามารถใช้งาน Miracast แบบไร้สายผ่าน Wifi และรองรับการเชื่อมต่อแบบ MirrorLink อีกทั้งยังมีระบบนำทางที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
*เชื่อมต่อในทันทีสำหรับ Android เวอร์ชั่น 10
มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์
1. เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร มาพร้อมระบบหัวฉีดน้ำมันแรงดันสูง 250 MPa ให้ละอองน้ำมันละเอียด และการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ถูกวางอยู่ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถปรับเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ เป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ
2. เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร มาพร้อมระบบควบคุมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำงานได้อย่างแม่นยำ ให้แรงบิดสูงตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ โดดเด่นด้วยอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดในคลาสกับตัวเลข 16.1 กิโลเมตร/ลิตร* จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถูกวางอยู่ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งเครื่องยนต์ทั้ง 2 ขนาด รองรับน้ำมันได้ถึง B20
*ผลการทดสอบตามมาตรฐานยุโรป UN R101 Combine Mode
ราคาจำหน่าย All-New Mazda BT-50 ทั้ง 14 รุ่น
ลำดับ | รุ่น | ราคา |
1 | STD 1.9 E | 553,000 บาท |
2 | FSC 1.9 C | 679,000 บาท |
3 | FSC 1.9 C Hi-Racer | 714,000 บาท |
4 | FSC 1.9 C Hi-Racer 6 AT | 768,000 บาท |
5 | FSC 1.9 S Hi-Racer | 787,000 บาท |
6 | FSC 1.9 S Hi-Racer 6AT | 832,000 บาท |
7 | DBL 1.9 C | 771,000 บาท |
8 | DBL 1.9 S | 847,000 บาท |
9 | DBL 1.9 S Hi-Racer | 891,000 บาท |
10 | DBL 1.9 S Hi-Racer 6AT | 936,000 บาท |
11 | DBL 1.9 SP Hi-Racer | 1,012,000 บาท |
12 | DBL 1.9 SP Hi-Racer 6AT | 1,070,000 บาท |
13 | DBL 4×4 3.0 SP | 1,118,000 บาท |
14 | DBL 4×4 3.0 SP 6 AT | 1,153,000 บาท |