จากที่ได้ไปทดสอบสมรรถนะของรถอีโค่คาร์มาแล้วก่อนหน้านี้ รถอีโค่คาร์ที่ได้เปิดตัวก็มีไม่กี่ค่ายที่เลือกใช้เทอร์โบเน้นไปที่เครื่องยนต์ คราวนี้ถึงตาของซูซูกิบ้างแล้ว แต่ทางซูซูกิไม่ได้เน้นไปทางเครื่องยนต์ แต่ว่าเน้นไปที่การใช้งานที่สะดวกสบาย ความหรูหราและความคุ้มค่าเป็นหลัก ทั้งนี้ทางซูซูกิ ประเทศไทย ได้เชิญให้เราไปทดสอบ New Suzuki Ciaz กันที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมระยะทางกว่า 159 กิโลเมตร เส้นทางที่ใช้ทดสอบก็จะมีปะปนไปด้วยทั้งทางขึ้นเขาและทางตรงยาวๆ ให้ได้ทดสอบกัน
ก่อนจะไปทดสอบเรามาดูรายละเอียดของตัวรถกันก่อน เริ่มกันที่ภายนอกที่ได้มีการปรับเปลี่ยนหน้าตา เพิ่มเส้นสายให้มีความหรูหรามากยิ่งขึ้น เช่น กระจังหน้าดีไซน์ใหม่มีมิติที่ใหญ่กว่าเดิม เดินเส้นสายด้วยโครเมียมรอบคัน ไฟหน้าเป็นโคมโปรเจ็คเตอร์ LED ทำให้มีความสว่างมากขึ้น สามารถปรับระดับได้ถึง 4 ระดับ มีเส้นไฟหรี่เป็น LED ด้านหน้า แต่ไม่มีได้ Daytime Running Light และซูซูกิ เซียสรุ่นนี้มีไฟตัดหมอกมาให้ด้วย
ปลอดภัยมากขึ้นด้วยกล้องมองหลังที่ติดมากกับรถพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะขณะถอยมาให้ถึง 4 จุด ไฟท้ายยังคงมีความโดดเด่นเหมือนเดิม และสปอยเลอร์ด้านหลังเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น ฝาท้ายเปิดได้ด้วยรีโมท
ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยขนาด 16 นิ้ว (เฉพาะรุ่น GLX, RS) ระยะฐานล้อยาว 2,650 มม.
ภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวาง สะดวกสบาย พวงกมาลัยเป็นแบบมัลติฟังชั่นก์ สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้อย่างเดียว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ยังคงใช้แบบเดิม เพิ่มปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ทำให้ไม่ต้องหยิบกุญแจมาเสียบอย่างเคย
เพิ่มอรรถรสในการเดินทางด้วยหน้าจอมีเดียขนาด 7 นิ้ว พร้อมเนวิเกเตอร์ เชื่อมต่อความบันเทิงด้วย Bluetooth และ Apple Carplay
และซูซูกิ เซียสมีที่วางแก้วมากถึง 8 จุด
เบาะโดยสารหุ้มหนัง นั่งสบายทั้งคนขับและผู้โดยสาร ผู้โดยสารตอนหลังนั่งได้สบาย พื้นที่กว้างคนตัวสูงก็สามารถนั่งได้สะดวก
นอกจากนี้ยังมีช่องแอร์ด้านหลังทำให้ความเย็นกระจายทั่วห้องโดยสารมากขึ้น น้อยมากที่รถอีโค่คาร์จะมีแอร์ด้านหลัง
เครื่องยนต์ของ New Suzuki Ciaz เป็นเครื่องยนต์ K12B 1,242 CC. ไม่ใช้เทอร์โบ ทางซูซูกิบอกกับเราว่าเน้นความคุ้มค่ากับออปชั่นต่างๆ มากกว่า เครื่องยนต์ดูแลง่าย ประหยัดน้ำมัน แต่ก็สามารถเร่งแซงได้อย่างทันใจถึงแม้จะได้พุ่งเหมือนกับรุ่นอื่นๆที่ใช้เทอร์โบช่วย ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT และรุ่น GL มีรุ่นย่อยใช้เกียร์ธรรมดา 5 สปีด
ในกิจกรรมการทดสอบครั้งนี้กำหนดให้รถ 1 คัน มีผู้โดยสารทั้งหมดในรถ 4 คน (รวมคนขับ) โดยจะแบ่งการทดสอบเป็น 4 ช่วงสลับกันขับ เริ่มจากเส้นทางแรกทางทีมงานเราได้เป็นผู้ขับคนแรก เริ่มออกตัวที่โรงแรม Parc Borough City Resort มุ่งหน้าไปยัง ม่อนระมิงค์ อ.แม่แตง ระยะทาง 44.6 กิโลเมตร เส้นทางส่วนมากจะเป็นทางตรงปะปนทางโค้งอยู่บ้าง ทำให้เราได้ทดสอบในเรื่องของอัตตราเร่ง ถือว่าทำได้ดีพอสมควรแต่ถ้าสำหรับคนที่เน้นการขับแบบสบายและประหยัดน้ำมัน เมื่อขับไปได้ในระยะทางนึงก็ยังรู้สึกว่านั่งสบายอยู่แม้ในห้องโดยสารจะมีอยู่ 4 คน ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เบาะที่กว้างนุ่มสบายและแอร์ด้านหลังทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย
ขณะที่ทำความเร็วสูงอยู่นั้นทำให้สัมผัสได้ถึงความหนืดของพวงมาลัยที่ได้พัฒนาขึ้นมาให้มีน้ำหนักมากขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจตลอดการเดินทาง
และเราก็มาถึงจุดพักเปลี่ยนคนขับที่ ม่อนระมิงค์ อำเภอแม่แตง รอบนี้เราจะมาเป็นผู้โดยสารบ้างโดยนั่งตรงเบาะหน้าข้างคนขับ เส้นทางที่จะเดินทางไปต่อก็คือร้านอาหารปูอลาสก้า เชียงดาว ระยะทาง 34.6 กิโลเมตร เราได้ทดลองอุปกรณ์ต่างๆที่ซูซูกิ เซียส ใหม่ให้มา เช่นการเชื่อมต่อบลูทูธ Apple Carplay สามารถใช้งานได้ง่าย แอร์เย็นเพลงเพราะ แล้วจะบอกว่ารุ่นนี้มีกระจกด้านบนตรงที่บังแดดทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสารด้านข้างด้วย ถือว่าเป็นอะไรที่ดี นอกจากนี้ยังมีที่เท้าแขนตรงกลางมาให้
หลังจากที่ถึงร้านอาหารปูอลาสก้า เชียงดาวกันแล้วเราพักรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จก็ถึงเวลาทดสอบรอบที่ 3 ในรอบรอบนี้เราจะย้ายที่นั่งมาเป็นผู้โดยสารด้านหลังกันบ้างทดสอบระบบช่วงล่าง ซูซูกิ เซียส ทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ถึงแม้จะเป็นที่นั่งตอนหลัง ไม่ย้วยและไม่แข็งจนทำให้รู้สึกนั่งไม่สบาย ทำช่วงล่างมาให้สมกับราคารถมาก และการทดสอบรอบสุดท้ายก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ขับรถกลับไปยังที่พักจุดเริ่มต้น รวมระยะทางทั้งหมดแล้ว 159.1 กิโลเมตร
สรุปการทดสอบครั้งนี้บอกได้เลยว่าถึงแม้เครื่องยนต์จะไม่ได้โดดเด่นมากมายเหมือนรุ่นอื่นที่พึ่งเปิดตัวไป แต่ความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย ประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ดูแลง่ายเราถือว่าคุ้มสุดๆแล้ว ซูซูกิ เซียสทำได้ดีไม่แพ้รุ่นอื่นเลย