ข่าวล่าสุด : เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว The new Mercedes-Benz A-Class Gen 4 ก้าวแรกสู่โลกแห่งพรีเมี่ยมคอมแพ็คคาร์
ข่าวล่าสุด : “The new Mercedes-Benz A-Class” เจเนอเรชันที่ 4 ยนตรกรรมอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับยังก์เจเนอเรชัน ที่จะเข้ามาเติมเต็ม พอร์ตโฟลิโอของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ (Compact Car) ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นำเสนอในรุ่น Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับรูปลักษณ์ ที่ดูสปอร์ต และโฉบเฉี่ยวมากขึ้นด้วยดีไซน์ภายนอก
และภายในที่ได้รับการออกแบบใหม่ มีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด พร้อมให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้นจากเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 1.3 ลิตร ที่มีอัตราการปล่อยไอเสียที่ต่ำ และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยม ยกระดับความสะดวกสบายขณะขับขี่ด้วย MBUX หรือ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยูสเซอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์” (Mercedes-Benz User Experience) ระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดที่ติดตั้งใน The new A-Class เป็นรุ่นแรกในกลุ่มรถยนต์คอมแพ็คคาร์ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic นำเสนอในราคา 2,490,000 บาท สำหรับผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมพร้อมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 33 แห่งทั่วประเทศ หรือในงาน “เมอร์เซเดส-เบนซ์ สตาร์เฟส” ที่จะเคลื่อนคาราวานไปทั่วประเทศจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2562 นี้
การเปิดตัวรถยนต์ The new Mercedes-Benz A-Class เจเนอเรชันที่ 4 ในรุ่น Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic เจาะกลุ่มเป้าหมายยังก์เจเนอเรชัน เติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์กลุ่มคอมแพ็คคาร์ที่ปัจจุบันบริษัทฯ นำเสนอใน 5 รุ่นย่อยได้แก่ CLA 200 Urban, CLA 250 AMG Dynamic (Night Edition), CLA 250 AMG Dynamic (WhiteArt Edition), GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic
โดย Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตเร้าใจทั้งดีไซน์ภายนอก และภายในที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ตระกูล A-Class อยู่อย่างเต็มเปี่ยม เครื่องยนต์ที่ทันสมัยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยม และมีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่รักอิสระ ชื่นชอบดิจิทัลไลฟ์สไตล์
“นอกจากนี้รถยนต์ A-Class 4 ประตูนี้ ยังมาพร้อมกับระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดอย่าง MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พัฒนาขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย และสามารถจดจำลักษณะการใช้งานของผู้เป็นเจ้าของได้ โดยรถยนต์รุ่นนี้ ถือเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ที่ระบบ MBUX จะทำงานร่วมกับบริการ Mercedes me connect ทำให้การเชื่อมต่อระหว่าง ลูกค้า กับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมถึงการบริการอื่นๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นไปอย่างสะดวก และง่ายดาย
การสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะที่สามารถตรวจจับการสั่งการด้วยภาษาพูดอย่างเป็นธรรมชาติ (Natural speech recognition) ทำให้ระบบเข้าใจภาษาอังกฤษในหลายสำเนียงได้ เพียงแค่พูด คำว่า ‘Hey, Mercedes’ เพื่อเริ่มต้นการทำงาน ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้สมาธิกับการขับรถได้ มากขึ้นระหว่างการสั่งการระบบ
ข้อมูลรถ
Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ (new design body language) เพราะนอกจากจะเป็นรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมรุ่นแรกในตลาดที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 1,332 ซีซี แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า ซึ่งถือเป็นคอมแพ็คคาร์ที่มีกำลังแรงม้ามากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ความเร็ว 1,620 รอบ/นาที มีอัตราการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 119-124 กรัม/กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.2 ลิตร/100 กม.
ดีไซน์ภายนอก
โครงสร้างภายนอกแบบ AMG ที่โดดเด่นด้วยการตัดทอนเส้นสาย และช่องว่างให้มีน้อยที่สุด ถือเป็นการผสมผสานระหว่างดีไซน์คลาสสิกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ และความปราดเปรียวเร้าใจได้อย่างลงตัว
ด้านหน้าของตัวรถดูมีความล้ำสมัยสอดรับกับช่วงกระโปรงหน้าที่ลาดตัวต่ำ และทอดตัวยาว มีฝากระจังหน้าแบบ diamond radiator grille ที่ประกอบด้วยเส้นเดี่ยวแนวนอน และตราสัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ตรงกลาง ด้านกว้างของตัวรถถูกออกแบบมาให้ดูทรงพลังและเร้าอารมณ์สอดรับกับเส้นสายด้านข้างที่ทอดตัวอยู่บริเวณช่วงล่างของตัวถัง ช่วยให้ตัวรถดูกว้าง
ส่วนกระจกมองข้างนั้นอยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสารพอดี นอกจากนั้นยังมีล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่ และโคมไฟหน้าแบบ LED High Performance ที่มีความเพรียวบาง และกรอบเคลือบโครเมี่ยมที่ทำงานร่วมกับไฟส่องสว่างขณะขับขี่ตอนกลางวันแบบ LED
ติดตาม Channel Youtube ZTV คลิ้กเลย
ดีไซน์ภายใน
ภายในห้องโดยสารได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ดูทันสมัย สไตล์สปอร์ตแบบ AMG และกว้างขวางเพื่อประโยชน์ใช้สอยที่มากที่สุด โดยจะมีพื้นที่ว่างบริเวณช่วงไหล่ ข้อศอก และเหนือศีรษะมากกว่าค่าเฉลี่ยของรถยนต์ประเภทเดียวกัน รวมไปถึงการออกแบบห้องโดยสารตอนหลังให้เข้าออกได้ง่าย ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีปริมาตร 420 ลิตร ช่องกระโปรงหลังมีขนาดกว้าง 950 มิลลิเมตร และมีระยะเส้นทแยงมุมจากตัวล็อกถึงขอบล่างของกระจกหลังถึง 462 มิลลิเมตร ช่วยให้ใส่หรือนำสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ออกได้อย่างสะดวก
พวงมาลัยของรถยนต์รุ่นนี้ตกแต่งแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มด้วยหนัง nappa เพื่อเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนัง ARTICO / DINAMICA microfiber ทั้งหมด โดยเบาะที่นั่งด้านคนขับจะมาพร้อมหน่วยบันทึกความจำ อีกทั้งเบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40
รูปลักษณ์ของแผงหน้าปัดมีความล้ำสมัยด้วยฝาครอบทรงปีกนกที่ทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้า ผ่านคอนโซลกลางอย่างไร้รอยต่อ เชื่อมไปจนถึงด้านบนของแผงหน้าปัดฝั่งผู้ขับขี่ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Widescreen ขนาด 10.25 นิ้วต่อกัน 2 หน้าจอ
เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Widescreen ขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) โดยผู้ขับขี่สามารถควบคุมและออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่
ส่วนช่องลมของครื่อง ปรับอากาศนั้นได้รับการออกแบบโดยใช้กังหัน (turbine) เป็นต้นแบบ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ช่วยขับเน้นลักษณะสปอร์ตอีกอย่างหนึ่งของรถยนต์รุ่นนี้ นอกจากนั้นส่วนล่างของคอนโซลกลางยังได้รับการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายปีกที่ดูแบนราบ และไร้รอยต่อจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งของห้องโดยสาร โดยมีระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารที่มีให้เลือกถึง 64 สี มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 5 เท่า ที่ช่วยขับเน้นเอกลักษณ์นี้โดดเด่นยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถผสมสีสันต่างๆ เพิ่มเป็นสีพิเศษได้อีก 10 สีสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
รูปภาพเพิ่มเติม
รีวิว Mercedes-AMG E53