นิว โกสต์ : “ยนตรกรรม ‘กู๊ดวูด โกสต์’ รุ่นแรก คือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ของแบรนด์ ทั้งด้านอายุและทัศนคติ หญิงชายเหล่านี้ปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของโรลส์-รอยซ์ที่มีขนาดกะทัดรัดและเรียบง่ายขึ้น ความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ที่เราได้รังสรรค์เพื่อลูกค้าชิ้นนี้ ได้ทำให้ความมุ่งหวังที่ทะเยอทะยานที่สุดของเราเป็นจริง ตลอดระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อปี 2552 ‘โกสต์’ ได้กลายเป็นยนตรกรรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 116 ปีของแบรนด์
ในขณะเดียวกัน ทีมออกแบบก็เฝ้าติดตามแนวคิดด้านสุทรียศาสตร์ที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแนวทางด้านความงามของโกสต์ แนวคิดใหม่ที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนทัศนคติที่เปลี่ยนไปของลูกค้าโกสต์ในการแสดงออกถึงความสำเร็จ เราตั้งชื่อกันภายในให้แนวคิดนี้ว่า “โพสต์ ออปพิวเลนซ์” (Post Opulence) จุดเด่นคือการลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นและการเน้นสาระสำคัญ
การที่จะตอบโจทย์นี้ได้ เราต้องเลือกใช้วัสดุที่ดีที่สุดและทำให้มันโดดเด่น การออกแบบจะต้องทำอย่างพองาม ชาญฉลาด และไม่จัดจ้าน ปรัชญานี้เป็นขั้วตรงข้ามของแนวคิด “Premium Mediocracy” ซึ่งเป็นคำที่บัญญัติโดยผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่น หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นอย่างฉาบฉวยผิวเผิน เช่น การติดป้ายยี่ห้อขนาดใหญ่ หรือในบริบทของยานยนต์ ก็คือการตกแต่งด้วยฝีเย็บที่ดูวุ่นวาย และอุปกรณ์อื่นๆ ที่สร้างภาพลวงตาของความหรูหรา แต่งองค์ทรงเครื่องผลิตภัณฑ์ที่กลวงเปล่าด้วยเปลือกระดับพรีเมียม
ท้ายที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ‘นิว โกสต์’ ซึ่งเป็นยนตรกรรมที่ได้รับการปรับแต่งอย่างเชี่ยวชาญให้เหมาะกับลูกค้า มีความสมบูรณ์แบบในความเรียบง่าย ซึ่งมีพื้นฐานมาจากวัสดุที่เยี่ยมยอด น้อยกว่าแต่ดีกว่า
เพื่อใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านอลูมิเนียมของแบรนด์ให้มากขึ้นไปอีก โครงสร้างส่วนบนของนิว โกสต์ จึงทำจากโลหะ 100% ตัวถังด้านนอกของรถถูกเปลี่ยนให้เป็นแผ่นโลหะชิ้นเดียวที่มีความเนี้ยบ กว้าง และลื่นไหลอย่างไร้รอยต่อตั้งแต่เสาเอ (A-pillar) จนถึงหลังคา และย้อนกลับไปที่ด้านหลังตัวรถ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถทอดสายตาจากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังของตัวรถได้โดยไม่รู้สึกสะดุดด้วยร่องรอยต่อบนตัวถัง ช่างฝีมือ 4 คน เชื่อมตัวถังทั้งหมดของรถด้วยมือโดยพร้อมกัน เพื่อให้รอยต่อต่างๆ มีความต่อเนื่องสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังใช้ประตูอลูมิเนียม 100% ที่เชื่อมด้วยเลเซอร์ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่สร้างข้อได้เปรียบด้านน้ำหนัก และความแข็งตึง 40,000Nm/deg ที่โดดเด่น แต่วัสดุยังมีค่าต้านทานเสียงต่ำกว่าเหล็ก และให้บรรยากาศห้องโดยสารที่ดีกว่า
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน V12 ทวินเทอร์โบ สูบ 6.75 ลิตร โครงสร้างเครื่องยนต์แบบบีสโป๊กของโกสต์ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้รองรับประสิทธิภาพอันล้นเหลือสำหรับยนตรกรรมที่ทรงพลังนี้ ซึ่งให้แรงบิด 563bhp/420kW และ 850Nm/627lb ft ส่งตรงไปยังระบบขับเคลื่อนทุกล้อและระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ สอดคล้องกับความคาดหวังของลูกค้า แรงบิดสูงสุดมีให้ตั้งแต่ 1600 รอบ/นาที จนถึงเพียง 600 รอบ/นาทีเหนือจำนวนรอบต่ำสุด และเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติด้านเสียงที่โดดเด่นให้ดียิ่งขึ้น ได้มีการการปรับแต่งระบบท่อนำอากาศเพื่อลดเสียงเครื่องยนต์ภายในตัวรถ
ระบบช่วงล่าง
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมได้ออกแบบระบบช่วงล่างของยนตรกรรมใหม่ทั้งหมด เพื่อมอบสิ่งที่เรียกว่าระบบช่วงล่าง Planar ระบบนี้ได้รับการตั้งชื่อตามแนวระนาบทางเรขาคณิตซึ่งเรียบและราบเสมอกันตลอดแนวอย่างสมบูรณ์ ระบบนี้เป็นผลมาจากการทดสอบและพัฒนาร่วม 10 ปี เพื่อให้เกิดความรู้สึกเสมือนบินแม้จะอยู่บนพื้นดิน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในยานยนต์ใดๆ
โดยรวมเอาตัวซับแรงกระแทกปีกนกชิ้นบน (Upper Wishbone Damper) ตัวแรกของโลกไว้เหนือระบบกันสะเทือนล้อหน้า ทำให้การขับขี่มีความมั่นคงและง่ายดายยิ่งขึ้น ระบบนี้ทำงานร่วมกับระบบกล้องสเตอริโอ Flagbearer ที่คอยอ่านสภาพเส้นทางข้างหน้าและเตรียมระบบช่วงล่างให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวถนน และระบบสัญญาณดาวเทียมของแบรนด์ (Satellite Aided Transmission) เทคโนโลยีเหล่านี้ประสานงานเป็นหนึ่งเดียวกันผ่านระบบซอฟต์แวร์ Planar ที่ออกแบบมาเฉพาะ ซึ่งทำให้นิว โกสต์ สามารถคาดการณ์และตอบสนองได้ดี แม้จะเผชิญกับพื้นผิวถนนที่โหดร้ายมากที่สุดก็ตาม
ประตูเปิดง่าย
ลูกค้าของโรลส์-รอยซ์ชอบประตูที่ปิดเองได้ตั้งแต่ ‘กู๊ดวูด แฟนธอม’ รุ่นแรก ที่ควบคุมโดยปุ่มบนแผงหน้าปัดและบนเสาซี (C Pillar) สำหรับรถยนต์ที่มีประตูท้าย นวัตกรรมนี้ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในหมู่ลูกค้า สำหรับนิว โกสต์ วิศวกรของแบรนด์เลือกที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นจุดเด่นนี้ให้ก้าวหน้าขึ้นอีก และเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถเปิดประตูได้โดยมีระบบไฟฟ้าคอยช่วยเหลือ
ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร
นิว โกสต์มีระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร (Micro-Environment Purification System หรือ MEPS) ใหม่ เทคโนโลยีการกรองอากาศที่มีอยู่ของแบรนด์ได้ถูกพัฒนาเพิ่มเติมด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ดีขึ้นแบบครบวงจร
เซนเซอร์ตรวจจับสิ่งปนเปื้อนที่มีความไวสูงถูกนำมาใช้วัดคุณภาพอากาศโดยรอบและจะเปลี่ยนโหมดการทำงานโดยอัตโนมัติจากโหมดรับอากาศภายนอก ไปเป็นโหมดหมุนเวียนอากาศภายใน (Recirculation Mode) หากพบว่าระดับของการปนเปื้อนในอากาศนั้นสูงเกินไป ระบบนี้จะผันอากาศทั้งหมดในห้องโดยสารไปยังตัวกรองนาโนฟลีซ ซึ่งสามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนอนุภาคขนาดเล็กพิเศษเกือบทั้งหมดออกจากห้องโดยสารของโรลส์-รอยซ์ได้เกือบทั้งหมด ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที
เสียง (Acoustics) สูตรสำเร็จแห่งความเงียบสงบ
เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ห้องโดยสารของโรลส์-รอยซ์ คือการรู้สึกว่าถูกห้อมล้อมไว้ด้วยความสบายและความรู้สึกที่ดี ในแง่ความสวยงาม นี่คือผลที่เกิดจากการทำงานและทุ่มเทอย่างไม่ลดละของแบรนด์ในการลดทอนสิ่งไม่จำเป็นและคัดสรรวัสดุที่มีคุณภาพและความหมาย ในแง่ของประสบการณ์ ความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยแชสซีและวิศวกรรมระบบขับเคลื่อนที่ไม่มีใครเทียบได้ ตลอดจนการสร้างบรรยากาศทางโสตที่เงียบสงบภายในห้องโดยสาร
ระบบเสียงแบบบีสโป๊ก (Bespoke Audio)
‘นิว โกสต์’ ได้ใส่ Resonance Chamber ไว้ในส่วนฐานของตัวรถ โดยขนาดและรูปร่างของมันจะต้องสอดคล้องกับการตอบสนองต่อความถี่ของชิ้นส่วนในลำโพง Bespoke Audio กล่าวอีกนัยก็คือ องค์ประกอบทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนยนตรกรรมทั้งคันให้กลายเป็นซับวูฟเฟอร์ (Subwoofer) ที่ปล่อยเสียงที่มีความถี่ต่ำเป็นพิเศษ
อุปกรณ์ควบคุมลำโพง 18 ช่องสัญญาณ (หนึ่งช่องสำหรับลำโพงแต่ละตัว) ให้เอาต์พุต 1300W นอกจากนี้เทคโนโลยี optimisation ที่ล้ำสมัยและกรวยลำโพงแมกนีเซียมเซรามิกที่มีความแม่นยำสูง ยังช่วยให้รายละเอียดที่เล็กที่สุดในการเปลี่ยนแปลงของเสียงปรากฏชัดผ่านการตอบสนองต่อความถี่ที่ดีเยี่ยม สำหรับนิว โกสต์ ลำโพง Exciter ถูกนำมาใช้ร่วมกับลำโพงแบบกรวยตามปกติ อุปกรณ์เหล่านี้ได้รับการผสานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพื้นผิวตัวรถ ณ ตำแหน่งที่มันถูกติดตั้ง เพื่อให้สามารถส่งแรงสั่นสะเทือนจากมวลที่เคลื่อนที่ของ Exciter ผ่านไปยังพื้นผิวบริเวณนั้นโดยตรง ในกรณีของนิว โกสต์ พื้นผิวนั้นคือเพดานสตาร์ไลท์ เฮดไลเนอร์ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเพดานห้องโดยสารได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นลำโพงขนาดใหญ่
ไมโครโฟนแบบแอคทีฟ 2 ตัวในห้องโดยสารยังมีฟังก์ชันที่ช่วยปรับเสียงด้วย โดยจะตรวจจับการขาดหรือการเกินของความถี่แล้วส่งสัญญาณให้แอมพลิฟายเออร์ปรับความดังของความถี่บางช่วงเพื่อหักล้างความขาดเกินนั้น ส่วนระบบ Bespoke Audio ช่วยให้ผู้โดยสารเพลิดเพลินกับประสบการณ์ฟังเพลงที่ยอดเยี่ยมด้วยคุณภาพเสียงสูงสุดที่ไม่ผ่านการบีบอัด
ภายใน
การสร้างสภาพแวดล้อมภายในยนตรกรรมที่ถูกนิยามด้วยการลดทอน เน้นความเรียบง่าย และความสง่างาม ถือเป็นความพยายามที่ยากยิ่ง และต้องจัดหาวัสดุที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหนัง ไม้ และโลหะ ซึ่งไม่มีทางรอดพ้นสายตาของลูกค้าที่มีความรู้กลุ่มนี้ไปได้หากไม่ได้รับการตกแต่งให้สวยงาม ดังนั้นหนังสัตว์ครึ่งแผ่นทั้งหมด 20 ชิ้น ที่นำมาใช้ในการตกแต่งภายในของนิว โกสต์ จะถูกควบคุมคุณภาพอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่ทำกันในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นผิวหุ้มหนังทั้งหมด 338 จุด ไม่ว่าจะอยู่ในที่ลับสายตามากแค่ไหน จะมีคุณภาพดีที่สุด
ชุดไม้สำหรับนิว โกสต์ เป็นแบบเปิดผิวไม้ที่เผยให้เห็นวัสดุอันเปลือยเปล่าอย่างไม่เหนียมอาย แท้จริงแล้วมีการพัฒนาสีเคลือบ 2 สีใหม่โดยเฉพาะ สีแรกชื่อว่า Obsidian Ayous ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความหลากหลายของสีที่พบในหินลาวา สีที่สองชื่อ Dark Amber ซึ่งมอบเสน่ห์เย้ายวนให้กับชุดห้องโดยสาร ด้วยการผสานแนวเส้นของอนุภาคอลูมิเนียมละเอียดเข้ากับไม้สีเข้ม
บีสโป๊ก แผงหน้าปัดเรืองแสง ‘Illuminated Fascia’
แผงหน้าปัด ‘Illuminated Fascia’ ที่มาพร้อมชื่อยนตรกรรมโกสต์แบบเรืองแสง รายล้อมด้วยดาวมากกว่า 850 ดวง ก็ถูกนำมาประดับไว้ภายในห้องโดยสารของนิว โกสต์ กลุ่มดาวและข้อความบริเวณแผงหน้าปัดจะถูกซ่อนจนแทบมองไม่เห็นเมื่อเครื่องยนต์ดับอยู่
ทีมออกแบบ Bespoke Collective เลือกที่จะไม่ใช้หน้าจอแบบปกติเพื่อสร้างเอฟเฟกต์ที่น่าหลงใหลนี้ ในทางกลับกันพวกเขาสร้างนวัตกรรมขึ้นใหม่อันเป็นแก่นแท้ของความหรูหราและซับซ้อนอย่างแท้จริง การเรืองแสงเป็นผลมาจากการติดไฟ LED 152 ดวงไว้ทั้งด้านบนและด้านล่างของแผงหน้าปัด
เพื่อให้แน่ใจว่าข้อความ ’Ghost’ จะสว่างสม่ำเสมอเท่ากันหมด มีการสลักจุดกว่า 90,000 จุดลงบนพื้นผิวของเส้นนำแสงความหนา 2 มิลลิเมตร เพื่อช่วยให้แสงกระจายตัวได้ทั่วถึงกัน พร้อมกับสร้างเอฟเฟกต์ที่ระยิบระยับเมื่อทอดสายตาผ่านแผงหน้าปัด
ข้อมูลทางเทคนิคฉบับเต็ม คลิ๊กที่นี่