Home News update นิสสัน “Go Anywhere” ลุยมาเลเซีย กับสื่ออาเซียน รวมระยะทางกว่า 2,000 กม.

นิสสัน “Go Anywhere” ลุยมาเลเซีย กับสื่ออาเซียน รวมระยะทางกว่า 2,000 กม.

by Gotz
717 views

นิสสัน ประเทศไทย พร้อมสื่อมวลชน 78 คนจากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมผจญภัย เป็นเวลา 8 วัน 7 คืน ตะลุยรอบประเทศมาเลเซีย โดยเส้นทางรอบประเทศมาเลเซียสามารถพิสูจน์สมรรถนะ ความสะดวกสบายในการขับขี่ และเทคโนโลยีอัจฉริยะจากการใช้งานจริง ของนิสสัน Navara, Terra และ X-Trail การทดสอบขับภายใต้ธีม “Go Anywhere” หรือ “ลุยได้ทุกที่” ของนิสสัน ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลายของมาเลเซียจัดขึ้นเพื่อทดสอบรถยนต์นิสสันที่ผลิตขึ้นจากฐานการผลิตในประเทศไทย 

ราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าว “ประสบการณ์การขับขี่เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงคุณภาพระดับโลกของรถยนต์นิสสัน”

ในการเดินทางรอบประเทศมาเลเซียมีสื่อมวลชนหลากหลายด้าน อาทิ ยานยนต์และไลฟ์สไตล์ร่วมผจญภัยใน 3 กลุ่ม ขับรถยนต์นิสสันไปตามเส้นทางที่หลากหลาย พิสูจน์สมรรถนะของรถยนต์แต่ละรุ่น ไปตามจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นเร้าใจสำหรับการเดินทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เส้นทาง และสภาพการขับขี่ที่มีเอกลักษณ์ตามลักษณะภูมิประเทศ การจราจรเป็นแบบพวงมาลัยขวาและขับรถชิดทางด้านซ้ายเช่นเดียวกับประเทศไทย เขตเมืองสำคัญมีการจราจรหนาแน่นในช่วงเช้าและบ่าย การเดินทางรอบประเทศมาเลเซียจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก

“Go Anywhere” ณ ประเทศมาเลเซีย เริ่มต้นด้วยการขับรถบนทางหลวงจากอำเภอหาดใหญ่ ไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านสะเดา หลังจากนั้นคาราวานได้เดินทางเข้าสู่รัฐเกอดะฮ์ (Kedah) ประเทศมาเลเซีย ก่อนเดินทางไปยังภูเขาเจไร (Mount Jerai) ปราสาทเคลลี (Kellie’s Castle) และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขณะที่กลุ่มที่สองขับจากกัวลาลัมเปอร์ไปยังเมืองกวนตัน (Kuantan) ผ่านเมืองปุตราจายา (Putrajaya) และเมืองมะละกา (Malacca) ในขณะที่กลุ่มสุดท้ายเดินทางจากกวนตันผ่านเมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) ไปยังรัฐปีนัง (Penang) ก่อนที่จะข้ามชายแดนด่านสะเดากลับสู่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

เราได้ทดสอบมรรถนะของนิสสันทั้ง 3 รุ่นนี้ ในทุกสภาพการจราจรและภูมประเทศของมาเลเซีย บนสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงการใช้ความเร็วบนถนนลาดยาง แสดงความสามารถในการยึดเกาะถนนบนทางโค้งที่แคบ และความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด แสดงสมรรถะที่แท้จริงจากอัตราเร่งที่ดีของเครื่องยนต์ในรถยนต์แต่ละรุ่นให้ผู้ขับขี่มั่นใจในการควบคุมรถผ่านอุปสรรคต่างๆ อย่างนุ่มนวล

ในขณะที่ฟังก์ชันการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนขณะขับขี่ หรือ shift-on-the-fly ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจากสองล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4H) เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นในสภาพถนนที่มีความลื่นไถล บนทางออฟโรดในเขตอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย Taman Negara นอกจากนี้ในโหมดการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อที่ความเร็วต่ำ (4LO) ได้ช่วยเสริมกำลังเมื่อเผชิญกับทรายและโคลนที่ลึก ขณะเดินทางข้ามแหล่งน้ำ การขับขึ้นโขดหิน

เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงและนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ได้ถูกใช้ประโยชน์ตลอดการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor) ที่มอบมุมมอง แบบ 360 องศาของรถยนต์ จะช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นมุมรอบคันของรถทั้งหมด

ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชันและเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA และ Hill Descent Control – HDC) ป้องกันไม่ให้รถยนต์ไหลเมื่อขับขึ้นหรือลงพื้นที่ลาดชัน อีกทั้งเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ใช้ในการขับขี่ ได้แก่ เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC) เทคโนโลยีกระจายแรงเบรก (Electronic Brake-force Distribution – EBD) ระบบเบรกกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System – ABS) เทคโนโลยีเสริมแรงเบรก (Brake Assist – BA) เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) และเทคโนโลยีเตือนเมื่อมีวัตถุอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW)

เมื่อขับในสภาพออฟโรดบนเส้นทางเข้าสู่สภาพป่า ในเส้นทางที่เต็มไปโคลน เทคโนโลยีอัจฉริยะของนิสสันที่แสดงประสิทธิภาพอย่างชัดเจนคือ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System – TCS) ช่วยควบคุมการหมุนของล้อ เมื่อพบอาการล้อหมุน ซึ่งเทคโนโลยีป้องกันล้อหมุนฟรีนี้ จะช่วยลดความเร็วโดยอัตโนมัติหรือใช้เบรกเพื่อเรียกคืนการยึดเกาะ ทำให้รถอยู่ในการควบคุมและเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และยังเสริมด้วยมาตรวัดการขับขี่บนทางออฟโรด (Off-road Meter) ที่ช่วยแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญรวมถึงมุมเอียงต่างๆ ในขณะขับขี่แบบออฟโรด

นอกจากนี้รถทั้ง 3 รุ่น ยังมีระบบนำทางช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนการเดินทางในเส้นทางประจำแต่ละวันได้ล่วงหน้าและสามารถนำได้ด้วยเสียงในแบบ turn-by-turn ในทิศทางที่ถูกต้องโดยไม่ต้องใช้แผนที่อื่นๆ เพื่อนำทางไปยังป่าฝนเขตร้อนอันเขียวชอุ่มและเมืองที่น่าสนใจต่างๆ ในมาเลเซีย ระบบนำทางที่สั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะนี้ (Voice Recognition) ยังช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาสถานที่ด้วยการสั่งงานด้วยเสียงได้อีกด้วย

“การออกแบบรถยนต์ที่แข็งแกร่งและทนทานที่ถูกรองรับด้วยระบบกันสะเทือนหลังแบบ 5 ลิงค์ (5-link) นั้นเหมาะกับการขับขี่ที่สมบุกสมบันโดยเฉพาะการขับรถขึ้นและลงจากภูเขาเจไร (Mount Jerai) รวมถึงการเร่งความเร็วบนถนนลาดยาง การยึดเกาะถนนอย่างเหนือชั้นในโค้งแคบๆ และสมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ บนสภาพออฟโรดที่ปลอดภัย

“สมรรถนะของนิสสัน เทอร์ร่า นิสสัน นาวารา และนิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยการขับขี่อัจฉริยะ นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี ที่ยกระดับความปลอดภัย เพิ่มความมั่นใจ สามารถให้ประสบการณ์การขับขี่ในมาเลเซียเต็มไปด้วยความมั่นใจ เติมเต็มคำนิยามภายใต้แนวคิดของการขับขี่แบบ “Go Anywhere” หรือ “ลุยได้ทุกที่” ภายใต้วิถีการขับขี่ในทุกเส้นทางของนิสสัน”

 

รายการ Z-TV ททบ.5

 

Home

Please follow and like us:

Related Articles

Verified by MonsterInsights