หลังจากที่มาสด้า ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถเอสยูวีน้องใหม่ คือ Mazda CX-30 ทำให้เป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก ว่าเปิดตัวนี้มาแล้ว มาสด้า CX-3 จะถูกแทนที่โดย CX-30 หรอ ทั้งหมดนี้เราจะบอกว่า All-New Mazda CX-30 ไม่ได้มาแทนใครทั้งนั้น เพียงแต่เข้ามาเสริมทัพของตระกูล CX เติมเต็มช่องว่างระหว่าง มาสด้า CX-3 และ มาสด้า CX-5 และอีกเช่นเคย เราจะไปทดลองขับ แล้วมาบอกทุกท่านถึงสมรรถนะของรถรุ่นนี้หลังจากที่ได้ลองสัมผัสการใช้งานบนถนนจริงว่าเป็นเช่นไร เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อ
แต่ก่อนอื่นขอพามาชมดีไซน์ความสวยงามของมาสด้าก่อน ซึ่งโดดเด่นด้วยแนวคิดการออกแบบของ KODO: Soul of Motion มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE
ภายนอก
ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วยนะ
ภายใน
เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง
ห้องโดยสารด้านหลังกว้างสบาย มีช่องปรับอากาศให้ที่ด้านหลัง และที่วางแขนพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 จุดตรงกลาง
แผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า
การเชื่อมต่อการสื่อสารด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
หลังจากที่ได้ลองขับ All-New Mazda CX-30 ไปสักพักแล้ว บอกได้เลยว่าให้ฟิลลิ่งการขับขี่คล้ายๆกับมาสด้า 3 เลย ยิ่งเป็นเรื่องของการเข้าโค้งการทรงตัวต่างๆทำได้ดีในสไตล์ของมาสด้า ด้วยการทำงานของ GVC Plus ที่จะช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของล้อทั้ง 4 ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดความอ่อนล้าจากการขับขี่ ทำให้สามารถขับขี่ได้ในระยะทางไกลๆได้แบบสบายๆเลยครับ
อัตราเร่งและเร่งบิดก็ตอบสนองกับเท้าได้แบบทันใจ เร่งแซงได้มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Skyactive 2.0 165 แรงม้า ทีมงานของเราได้ไปทดสอบกันที่ จ. พิษณุโลก สลับกันขับไปเป็นช่วงๆ ระยะทางส่วนใหญ่เป็นเขา เมื่อขึ้นทางชันทำให้เราเห็นว่ากำลังอาจมีตกบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก และทางที่เป็นทางตรงยาวสามารถทำความเร็วได้มากกว่า 160 กม./ชม. ถึงแม้ตัวรถจะมีขนาดใหญ่ แต่ต้องขอบอกก่อนว่า CX-30 ที่ขายในประเทศไทยนั้นไม่มีเครื่องยนต์ดีเซลนะครับ ส่วนตัวคิดว่าการใช้งานในประเทศไทยเครื่องยนต์เบนซินก็เพียงพอแล้ว
ห้องโดยสารรวมๆ แล้ววัสดุที่มาสด้าให้มาดูหรูหราทันสมัยมากๆ เกือบจะเท่ารถยุโรปบางรุ่นเลย แล้วถ้าใครเป็นผู้ที่ชื่นชอบในการฟังเพลง บอกได้เลยว่าต้องถูกใจสิ่งนี้มากๆ ด้วยระบบเสียงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ทำให้เพลิดเพลินกับการขับรถยิ่งขึ้น
นอกจากนี้มาสด้าก็ยังคงให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนาโดยเน้นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุมากถึง 12 ระบบ ได้แก่
- ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360 ̊ View Monitor)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support)
- ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
- ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
อีกทั้งยังปกป้องทันทีจากอุบัติเหตุด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง
มีทั้งหมด 7 สี และ 3 รุ่นย่อย ให้เลือก
- รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท
- รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท
- รุ่น2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท
สีทั้งหมด
- สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
- สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
- สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)
- สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
- สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver)
- สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
- สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue)
และทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่ทางทีมงานเราได้ไปสัมผัสและได้นำมาบอกต่อ เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับใครหลายๆ คนที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ขนาดกำลังพอดี เทคโนโลยีความปลอดภัยสูง มาใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด