ทดลองขับ : New Mazda 2 หลายๆ คนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่ารถยนต์จากมาสด้าสมรรถนะการขับขี่เป็นอย่างไร ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าถ้าเทียบกับรถยนต์ค่ายอื่นๆ ในเซ็กเมนต์เดียวกันนั้น มาสด้า 2 เป็นรถยนต์ที่ขับสนุกมากๆ สำหรับคนที่ชื่นชอบความเร็ว อัตราเร่งทันใจ มาสด้า 2 อาจตอบโจทย์ใครหลายๆคน และอีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือช่วงล่างของมาสด้าหนึบสุดๆ เพื่อทำให้สอดคล้องกับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่แรง ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ได้เลยเมื่อเข้าโค้ง
และเมื่อปลายเดือน พฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการเปิดตัว มาสด้า 2 ใหม่ ซึ่งเป็นตัว Minor Change มีการเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ คล้ายกับรุ่นพี่อย่าง New Mazda 3 ที่ได้เปิดตัวไปก่อนแล้ว และเปลี่ยนไฟหน้าทุกรุ่นเป็นโปรเจ็คเตอร์ มีความหรูหรา และสปอร์ตมากขึ้น
ในวันนี้เราได้มีโอกาส ทดลองขับ มาสด้า 2 ใหม่ ซึ่งทางมาสด้าบอกว่าตัวใหม่นี้ ได้ใส่ระบบ GVC Plus (G-Vectoring Control Plus) คือระบบความควบคุมการขับขี่อัจฉระยะ ทำให้รถมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นขณะที่เข้าโค้ง ซึ่งในตัวเก่าก็มี GVC ที่อัจฉริยะอยู่แล้ว แต่ตัวใหม่เป็น GVC Plus ยิ่งฉลาดมากขึ้น
แต่ก่อนเราจะไป ทดลองขับ New Mazda 2 กันเรามาดูข้อมูลของตัวรถกันก่อน
เครื่องยนต์มี 2 ทางเลือก
- Skyactiv-D 1.5 ลิตร Turbo 4 สูบเรียง ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันสูงถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร
- Skyactiv-G 1.3 ลิตร 4 สูบเรียง ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร
ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive พร้อม Manual Mode Activematic คันเร่งไฟฟ้า
Skyactiv-G 1.3 ลิตร
Skyactiv-D 1.5 ลิตร Turbo
ระบบความปลอดภัย และเทคโนโลยี
i-ACTIVESENSE การส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุรอบคัน เช่น เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังและขณะเปลี่ยนเลน, ระบบแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า และด้านหลัง, ระบบควบคุมขับขี่อัจฉริยะ GVC Plus (G-Vectoring Control Plus), Apple CarPlay เป็นต้น
สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เป็นสนามที่ใช้ในการทดสอบ
ส่วนการทดสอบจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ขับทดสอบ 2 สถานี และขับเต็มรอบสนามแบบรวมกลุ่ม
สถานีที่ 1 Test : Lane Change , Performance
ใช้เครื่องยนต์ Skyactiv-D 1.5 ลิตร ในการทดสอบ อัตราเร่งเครื่องยนต์ , แรงบิด , การควบคุมพวงมาลัยเปลี่ยนเลน โดยสถานีนี้เป็นทางตรงยาวให้ผู้ทดสอบได้สัมผัสกับอัตราเร่งของเครื่องยนต์ และมีการให้เปลี่ยนเลนหรือการหักหลบแบบฉุกเฉิน เพื่อทดสอบอาการของตัวรถ ผลปรากฎว่ารถสามารถรักษาอาการได้ดีกว่ามาสด้า 2 ปีเก่า เมื่อหักพวงมาลัยด้วยความเร็วถ้าเป็นรถทั่วไปจะมีอาการท้ายสไลด์ออก และการออกตัวหลังจากกลับเข้าเลนก็ต่อเนื้อด้วยการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
สถานที่ 2 Test : Handling , Brake , GVC Plus
ใช้เครื่องยนต์ Skyactiv-G 1.3 ลิตร ในการทดสอบระบบ GVC Plus , การควบคุมพวงมาลัย โค้งแต่ละโค้งในสนามมีความยากง่ายต่างกันออกไป ทั้งโค้งลึก หรือโค้งแบบต่อเนื้อ จากการทดสอบด้วยความเร็ว 70 กม./ชม. แล้วเข้าโค้งในสนาม พบว่าการทำงานของ GVC Plus ทำงานได้ดีมาก เมื่อเข้าโค้งรถมีการโยนตัวน้อยลง ทำให้ผู้โดยสารตอนหลังไม่มีอาการเมารถ และเข้าโค้งได้แม่นยำ จากการทำงานระบบ GVC Plus จะมีการจัดการตัวรถให้อยู่ในโค้งได้จากระบบเบรกและการควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับการช่วยเบรคอัตโนมัตโดยที่เราไม่รู้สึกถึงการทำงานของเบรค ขณะที่รถเริ่มเข้าโค้ง เครื่องยนต์จะลดแรงบิดลงให้เหมาะสมกับลักษณะขององศาพวงมาลัย
แต่มีข้อแม้คือว่า GVC Plus จะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อมีการหักพวงมาลัยและเติมคันเร่ง ระบบนี้ทำงานร่วมกับองศาพวงมาลัย แรงเหวี่ยง และความเร็วรถ เมื่อรถมีอาการเหมือนจะหลุดโค้ง ระบบนี้จะเป็นตัวช่วยในการดึงรถให้อยู่ในโค้งและรักษาเสถียรภาพเอาไว้
เมื่อครบทั้ง 2 สถานีแล้วก็จะเป็นการขับทดสอบเต็มรอบสนามพร้อมกันทั้งหมด เพื่อทดสอบสมรรถนะของเครื่องแบบเต็มรูปแบบ วิ่งกันยาวๆไปเลย และสัมผัสกับระบบช่วงล่างที่ทางโค้งกว่า 10 โค้ง
สิ้นสุดการทดสอบ บอกได้เลยว่าเทคโนโลยี GVC Plus ที่มาสด้าพัฒนาขึ้นมาใหม่และใส่เข้าไปใน New Mazda 2 มันทำงานได้ดีจริงๆ และเครื่องยนต์ก็ขับสนุกอีกด้วย ฟังชั่นต่างๆก็ใส่มาครบทั้งกล้องมองภาพรอบคัน เซ็นเซอร์กะระยะทั้งหน้าและหลัง การดีไซน์ที่เรียบหรูแต่ยังคงให้ความสปอร์ต ถ้าใครที่สนใจอยากเป็นเจ้าของ New Mazda 2 คุณจะมั่นใจได้เลยว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ระบบความปลอดภัยที่มาสด้าให้มาก็พอจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ แต่ต้องทำการเรียนรู้และเข้าใจในการทำงานของระบบนั้นๆเสียก่อน ระบบจึงจะได้ทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ และขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท
