หลังจากที่โตโยต้า ประเทศไทย ได้เปิดตัว โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ ใหม่ ไปเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2563 นี้ ทางเราก็ทราบมาว่าโตโยต้าได้มีการปรับเปลี่ยนสมรรถนะใหม่ให้เจ้าคันนี้ ทั้งเครื่องยนต์ที่ได้มีการเพิ่มแรงม้ามาเป็น 204 ตัว และแรงบิด 500 นิวตันเมตร ทำให้มีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้นและประหยัดน้ำมันด้วย
และโตโยต้าก็ได้เชิญสื่อมวลชนให้ไปทดสอบสมรรถนะกันที่ Toyota Driving Experience Prak บางนา โดยการทดสอบจะมีทั้งการขับแบบพื้นถนนปกติ และแบบออฟโรด แต่ก่อนที่จะได้ไปขับจริงๆ นั้น จะมีผู้ดูแลคอยสาธิตการขับแต่ละสถานีก่อน ให้เราเป็นผู้โดยสารเพื่อที่จะได้สัมผัสทั้งการขับขี่และการเป็นผู้โดยสาร แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่ารถที่เราจะทดสอบกันนี้จะเป็นรุ่น ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ
การเปลี่ยนแปลงของรุ่นนี้นั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงของไฟหน้าดีไซน์ใหม่ Bi-Beam ไฟ LED Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 204 แรงม้า และที่สำคัญคือโตโยต้าได้ใส่ระบบความปลอดภัยมาให้อีกด้วย เรียกว่า “Toyota Safety Sense” อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert)
และนอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงช่วงล่างใหม่ให้นุ่มมากกว่าเดิม ส่วนจะนุ่มมากแค่ไหนเดี๋ยวเราจะได้ไปทดสอบกันในสนาม
การทดสอบแรกจะเริ่มที่การขับสลาลมช้า ที่ความเร็ว 10 กม./ชม. เป็นการทดสอบระบบ VFC หรือระบบแปรผันน้ำหนักพวงมาลัยตามความเร็ว ทำให้การขับขี่ในระดับความเร็วที่ไม่สูงมากสามารถควบคุมพวงมาลัยได้ง่ายขึ้น และต่อมาเป็นการทดสอบ LDA ในความเร็วที่ 50 กม./ชม. ระบบจะตรวจสอบเลนทั้งสองข้าง และเมื่อพบว่าเราเผลอออกนอกเลนระบบจะดึงพวงมาลัยกลับโดยอัตโนมัติพร้อมสัญญาณเตือน และเมื่อสิ้นสุดทางตรงจะพบทางโค้งยูเทิร์น ทีนี้ล่ะเราจะได้สัมผัสถึงน้ำหนักพวงมาลัยเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น
มาต่อกันด้วยสลาลมบวกกับการเปลี่ยนเลนที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ทางโตโยต้าเครมมาว่าได้ใส่เทอร์โบใหม่ หัวฉีดใหม่ให้อัตราเร่งที่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ด้วยความที่ทำช่วงล่างใหม่เดิมจากใช้แหนบ 5 เปลี่ยนเป็น 3 ทำให้รู้สึกเหมือนนั่งรถ SUV ฟิลลิ่งต่างจากการนั่งรถกระบะแบบเดิมๆ ไปเลย นุ่มและหนึบ ทางทดสอบจะวนคล้ายๆ วงเวียนเพื่อให้ได้สัมผัสกับพวงมาลัยและช่วงล่างได้มากยิ่งขึ้น
และสถานีสุดท้ายสำหรับการทดสอบแบบออนโรดก็คือการขึ้นคอสะพานที่หักลงมา ไปที่ความเร็ว 30 กม./ชม. ต่อด้วยทางลูกระนาดสลับซ้ายขวาที่ความเร็ว 10 กม./ชม. และยังคงต้องขอย้ำอีกครั้งว่าช่วงล่างมันดีจริงๆ ต่างจากตัวเก่าอย่างเห็นได้ชัด และทางสุดท้ายจะเป็นพื้นผิวขรุขระให้สัมผัสถึงการเก็บเสียงรวมถึงน้ำหนักพวงมาลัยที่มีแรงสะท้อนจากพื้นผิวถนนมาสู่มาลัยเหลือน้อยลง
และเราก็มาถึงสถานีการทดสอบแบบออฟโรดกันแล้วเริ่มกันที่ภูเขาจำลองที่มีความชันประมาณ 40 องศา เป็นการทดสอบกำลังของเครื่องยนต์เมื่อขึ้นทางลาดชัน และระบบ HAC , DAC เมื่อขึ้นทางชันระบบ HAC จะเข้ามาช่วยเมื่อเราเหยียบเบรคและปล่อยเบรค ระบบจะหยุดรถไว้ให้ 3 วินาที เพื่อให้มีเวลาเหยียบคันเร่งขึ้นไปต่อ และระบบ DAC จะช่วยในการลงทางลาดชันระบบสั่งเบรคให้ทำงานขณะลงทางลาดชันเพื่อป้องกันการลื่นไถล
หน้าจอตรงกลางของหน้าปัดจะมีสถานะของล้อหน้าบอกเพื่อให้เรารู้องศาของล้อเมื่อขับในทางที่เรามองไม่สะดวกหน้าจอตรงนี้จะช่วยให้ขับได้ง่ายขึ้น
สุดท้ายของสถานีทดสอบแบบออฟโรดก็คือเนินสลับ เป็นการทดสอบในเรื่องของระบบ ATRC , พวงมาลัยและช่วงล่าง อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นคือช่วงล่างถูกปรับจูนมาใหม่ใช้แหนบ 3 จากเดิมคือ 5 แหนบ และเมื่อขึ้นเนินสลับจะมีล้อข้างใดข้างหนึ่งที่ลอยขึ้นระบบจะทำงานอัตโนมัติคำนวณแรงเบรคและแรงบิดเพื่อให้ล้อที่ติดกับพื้นสามารถเคลื่อนตัวไปได้
จากที่ได้ทดสอบ โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ มาทั้งแบบออนโรดและออฟโรด ทั้งเป็นผู้ขับขี่และผู้โดยสาร สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือช่วงล่างที่ถูกปรับจูนมาใหม่ดีขึ้นมาก นั่งแล้วสบายกว่าเดิม และพวงมาลัยที่มีน้ำหนักเบาขึ้นเล็กน้อยน้ำหนักกำลังดีสามารถแปรผันได้อีกด้วย ส่วนเครื่องยนต์ที่ถูกเพิ่มแรงม้าเข้าไปส่งผลให้อัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่องทันใจกว่าเดิม ด้วยเทอร์โบลูกใหม่และหัวฉีดใหม่ สรุปเลยว่าน่าใช้สุดๆ เลยครับ
สำหรับท่านไหนที่สนใจอยากชมตัวจริงและทดลองขับสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมโตโยต้าใกล้บ้านได้เลย หรือติดต่อที่ https://www.toyota.co.th/index.php
